แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า Traction battery

แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า หัวใจสำคัญของการขนส่งในคลังสินค้า

รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขนย้ายและยกวัสดุในโรงงาน คลังสินค้า และพื้นที่อุตสาหกรรมต่างๆ โดยมีหลากหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่แตกต่างกันไป

การจำแนกประเภทของรถโฟล์คลิฟท์

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift): ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับการใช้งานในร่ม เนื่องจากไม่มีไอเสียและเสียงดัง

โฟล์คลิฟไฟฟ้า
โฟล์คลิฟไฟฟ้า

รถโฟล์คลิฟท์ดีเซล (Diesel Forklift): ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้งและงานหนัก

โฟล์คลิฟดีเซล
โฟล์คลิฟดีเซล

รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส (LPG Forklift): ใช้แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิง เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง

โฟล์คลิฟ สpg
โฟล์คลิฟ LPG

การเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ 

ชนิดของสินค้าที่จะยก: น้ำหนัก ขนาด รูปร่าง
สภาพแวดล้อมในการทำงาน: ในร่ม กลางแจ้ง พื้นผิว
ความสูงในการยก: ระยะทางในการเคลื่อนย้าย
งบประมาณ: ราคาของรถโฟล์คลิฟท์และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

ข้อดีของรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง

1. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ไม่มีไอเสีย: รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าไม่ปล่อยไอเสียหรือมลพิษทางอากาศ ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ปิด เช่น คลังสินค้า โรงงาน หรือพื้นที่ที่มีการควบคุมคุณภาพอากาศ
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การใช้พลังงานไฟฟ้าช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน
2. เงียบและสะอาด
เสียงรบกวนน้อย: รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าทำงานเงียบ ทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานดีขึ้น และไม่รบกวนพนักงานคนอื่นๆ
ลดฝุ่นละออง: ไม่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง จึงไม่เกิดฝุ่นละออง ทำให้พื้นที่ทำงานสะอาด
3. ประหยัดค่าใช้จ่าย
ค่าไฟฟ้าถูกกว่าเชื้อเพลิง: ค่าไฟฟ้าโดยทั่วไปมักจะถูกกว่าค่าเชื้อเพลิงดีเซลหรือแก๊ส LPG
ค่าบำรุงรักษาต่ำ: รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่า ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า
อายุการใช้งานยาวนาน: ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าจึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
4. ใช้งานง่าย
ควบคุมง่าย: รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ามีระบบควบคุมที่ง่ายต่อการใช้งาน
เร่งและเบรกได้นุ่มนวล: ทำให้การทำงานมีความปลอดภัยมากขึ้น
5. เหมาะสำหรับงานที่หลากหลาย
ใช้งานได้ในพื้นที่จำกัด: ขนาดที่กะทัดรัดทำให้สามารถใช้งานในพื้นที่แคบได้
มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย: สามารถปรับแต่งเพื่อให้เหมาะกับงานที่หลากหลาย
6. เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
ป้องกันการระเบิด: ไม่มีเชื้อเพลิงที่ติดไฟ จึงลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ: ไม่ปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน

อุตสาหกรรมที่เหมาะสมกับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

คลังสินค้า: เนื่องจากไม่มีไอเสีย จึงเหมาะสำหรับใช้งานในคลังสินค้าที่มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
โรงงานผลิต: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเงียบและสะอาด เช่น โรงงานผลิตอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ศูนย์กระจายสินค้า: เหมาะสำหรับการขนย้ายสินค้าภายในอาคาร
ห้องเย็น: เนื่องจากไม่เกิดความร้อนจากเครื่องยนต์ จึงเหมาะสำหรับใช้งานในห้องเย็น
โรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการ: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสะอาดและปราศจากมลพิษ
ห้างสรรพสินค้า: เหมาะสำหรับการขนย้ายสินค้าภายในอาคาร
งานที่เหมาะสมกับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
การขนย้ายสินค้าในพื้นที่จำกัด: รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ามีขนาดกะทัดรัด ทำให้สามารถใช้งานในพื้นที่แคบได้
การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอุณหภูมิ: เช่น ห้องเย็น หรือห้องที่ต้องการควบคุมความชื้น
งานที่ต้องการความเงียบ: เช่น โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ห้องสมุด หรือห้องเก็บเอกสาร
งานที่ต้องการความสะอาด: เช่น โรงงานผลิตอาหาร หรือโรงพยาบาล
งานที่ต้องยกของบ่อยและต่อเนื่อง: รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ามีความทนทานและใช้งานได้ยาวนาน

ยี่ห้อรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ายอดนิยมในไทย

Toyota: เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงสุดยี่ห้อหนึ่งในตลาดโลก รวมถึงในประเทศไทย โดดเด่นในเรื่องความทนทาน ประสิทธิภาพ และมีอะไหล่ให้เลือกใช้อย่างครบครัน

รูปภาพToyota forklift
ตัวอย่างรุ่นรถโฟล์คลิฟท์Toyota โตโยต้า และรุ่นแบตเตอรี่ที่ใช้
TOYOTA 6FBRE20 4DCM500A 48V 500AH
TOYOTA 7FB18 VSD8AC 48V 435AH
TOYOTA 7FB18 VGD485 48V 485AH
TOYOTA 7BFR30 VSI6C 48V 350AH
TOYOTA 8FBN15 VSF6A 48V 420AH
TOYOTA 8FBN20 VGI565 48V 565AH
TOYOTA 8FBN30 VSI6C 48V 350AH
TOYOTA 7FBH25 VSF10A 48V 700AH
TOYOTA 7FBH25 VGD600 48V 600AH

 

Nichiyu: เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ด้วยคุณภาพที่เชื่อถือได้ และมีการออกแบบที่เน้นความปลอดภัย

รูปภาพNichiyu forklift
ตัวอย่างรุ่นรถโฟล์คลิฟท์ NICHIYU นิชิยู และรุ่นแบตเตอรี่ที่ใช้
NICHIYU FBRAW18 VFP4 48V 290AH
NICHIYU FB20PN VSD9AC 48V 475AH
NICHIYU FBR13-75C-300 VSF6A 24V 420AH
NICHIYU FBR13-60 VSF6A 24V 420AH

Komatsu: เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในด้านเครื่องจักรหนักต่างๆ รวมถึงรถโฟล์คลิฟท์ โดยมีจุดเด่นในเรื่องความทนทานและประสิทธิภาพ

รูปภาพKomatsu forklift
ตัวอย่างรุ่นรถโฟล์คลิฟท์ KOMATSU โคมัตซุ และรุ่นแบตเตอรี่ที่ใช้
KOMATSU FB09-3 VSD8AC 24V 400AH
KOMATSU FB15-12 VSI6C 48V 350AH
KOMATSU FB25-12 VGD485 72V 485AH

 

Hyundai: เป็นแบรนด์เกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงในด้านราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และมีคุณภาพที่น่าพอใจ

รูปภาพHyundai forklift

 

แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่ในกลุ่ม Traction Battery

     แบตเตอรี่กลุ่มนี้ ประเภทนี้สามารถใช้งานได้กว้างขวาง ในกลุ่ม รถโฟล์คลิฟท์ Forklift รถยกไฟฟ้าX-lift รถขัดพื้น รถสแตกเกอร์ไฟฟ้า Electric Stacker, Electric Pallet Truck เป็นแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน มีความทนทานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่รถกอล์ฟ หรือแบตเตอรี่รถยนต์

ประเภทของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่นิยมใช้มีสองชนิดหลัก ได้แก่ แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรดและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป การชาร์จแบตเตอรี่อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์

นอกจากนี้ การดูแลรักษาแบตเตอรี่ยังรวมถึงการตรวจสอบระดับน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ การทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ และการเก็บรักษาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้จะช่วยให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ส่งผลให้การดำเนินงานในคลังสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด

แบรนด์แบตเตอรี่โฟล์คลิฟยอดนิยม และทำตลาดมาอย่างยาวนานในไทยได้แก่ 3K และ GS YUASA

โฟล์คลิฟท์

ตามมาตรฐานยุโรป IEC 60254 1 แบตเตอรี่ตะกั่วกรดสำหรับรถยกไฟฟ้าถูกนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับขับเคลื่อนระบบไฟฟ้าซึ่งรวมถึงยานพาหนะถนนบางประเภทเช่น รถไฟฟ้าทั่วไป รถบรรทุกที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมและอุปกรณ์เครื่องมือจักรกล แบตเตอรี่สามารถมีได้หลายขนาดตั้งแต่ 2 โวลต์เซลล์หรือ 4, 6, 8 และโมโนโพล 12 โวลต์  โดยปกติไม่มีข้อกำหนดว่าโครงสร้างภายในของแบตเตอรี่รถยกนั้นตั้งไว้เท่าไร แต่ขนาดภายนอกถูกกำหนดไว้ในมาตรฐานเช่น IEC 60254 2 ความจุถูกวัดจากการทดสอบการคายประจุที่กำหนดจากประจุเต็ม 1.7 โวลต์ต่อเซลล์ในระยะเวลา 5 ชั่วโมง (ทดสอบ C5) แบตเตอรี่รถยกนั้นมีทั้งแบตเตอรี่แบบน้ำและแบตเตอรี่แบบแห้ง ทั้งในแบตเตอรี่ 2 โวลต์และมีรูปแบบโครงสร้างเป็น monobloc ในการออกแบบเหล่านี้แผ่นขั้วบวกสามารถเป็นได้ทั้งแผ่นธาตุชนิดแบนและชนิดท่อกลมได้ สำหรับตัวแปร AGM ของโครงสร้าง VRLA เฉพาะแผ่นธาตุแบบแบนเท่านั้นที่มีความเหมาะสมเนื่องจากความต้องการในการรักษาแรงดันไฟฟ้าแบบสม่ำเสมอของแผ่นใยแก้วที่ใช้สำหรับตัวคั่น แบตเตอรี่แบบใช้ท่อกลมที่มีโครงสร้างเป็นแผ่นโดยทั่วไปจะให้อายุการใช้งานที่สูงกว่าการออกแบบแผ่นแบน โครงสร้างท่อ (รูปที่ 2) ช่วยให้มั่นใจได้ว่าวัสดุที่ใช้งานในเชิงบวกนั้นจะยึดติดกับกระดูกสันหลังของโลหะผสมตะกั่วที่เป็นตัวนำในระหว่างรอบการปล่อยประจุที่จุดสูงสุด อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ฉรถยกถูกกำหนดโดยจำนวนรอบการปล่อยประจุสูงสุดตามมาตรฐานซึ่งสามารถทำงานได้จนกว่าจะลดลงเหลือ 80% ของความจุที่กำหนดหรือความจุปกติ

มาดูกันว่าเมื่อไหร่ที่เราควรจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าของเรากัน

อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของแบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าจะอยู่ที่5ปี  แต่ก็ไม่แนเสมอไป เพราะถ้าคุณมีการดูแลแบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่ดี อายุการใช้งานแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าก็อาจจะมากกว่านั้น แต่ถ้าคุณใช้งานแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าหนัก และไม่มีการดูแลที่ดี อายุการใช้งานของแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าก็อาจสั้นกว่า5ปีได้

เมื่อแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าเริ่มจะเสีย มันจะมีอาการอะไรบ้างที่เราสามารถสังเกตุเห็นได้

  • แบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าจะหมดเร็วกว่าปรกติในรอบการใช้งาน
  • คุณจำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าบ่อยขึ้นใน1วันการทำงาน
  • คุณสามารถสังเกตุเห็นการสึกกร่อนของแบตธาตุตะกั่วในแบตเตอรี่ได้
  • แบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าเริ่มมีควัน หรือไอน้ำกรดออกมาในขณะที่ชาร์จ หรือในขณะที่ใช้งาน (ในรูปแบบนี้ถือว่าอันตรายมากควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้านั้นทันทีหรือเร็วที่สุด)

คู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษาแบตเตอรี่สำหรับรถยกไฟฟ้า

[1] แบตเตอรี่

หลีกเลี่ยงการใช้งานหนักจนไฟหมด ถ้าแบตเตอรี่ถูกใช้งานจนรถไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้นผู้ใช้งานแบตเตอรี่จึงควรปฎิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • หยุดใช้งานแบตเตอรี่เมื่อปริมาณไฟแบตเตอรี่เหลือ20-25%ของไฟเต็มโดยสามารถดูได้จากตัววัดระดับไฟของแบตเตอรี่ ข้อควรระวัง: ถ้าแบตเตอรี่ถูกใช้งานจนไฟหมดจะทำให้อุณหภูมิของน้ำกรดสูงโดยเฉพาะเซลล์ ที่อยู่ตำแหน่งตรงกลางชุดแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่ถูกใช้งานในลักษณะนี้เป็นประจำ จะทำให้แบตเตอรี่เซลล์ใดเซลล์หนึ่ง เสียก่อนเซลล์อื่นและอายุการใข้งานแบตเตอรี่จะสั้น
  • หยุดใช้งานแบตเตอรี่เมื่อรถยกไฟฟ้าเริ่มอ่อนกำลังลง ซึ่งค่า ถ.พ. (ค่าความถ่วงจำเพาะ) ของน้ำกรดที่วัดได้จะต่ำกว่า 1.180 ที่อุณหภูมิ 20 องศา โดยสามารถวัดค่า ถ.พ. ดังกล่าวได้โดยใช้ ไฮโดรมิเตอร์ หมายเหตุ กล่องเครื่องมือสำหรับตรวจเช็คแบตเตอรี่ (ไฮโดรมิเตอร์,กรวย,เทอร์มิโนมิเตอร์) จะถูกจัดส่งพร้อมกับแบตเตอรี่ใหม่
  • ไม่ควรนำแบตเตอรี่มาชาร์จไฟในช่วงเวลาสั้นๆ ในระหว่างการใช้งานแบตเตอรี่ เพราะจะทำให้การเปลี่ยนแปลงทางเคมีภายในเซลล์แบตเตอรี่ไม่สมบูรณ์และอุณหภูมิของน้ำกรดจะสูงผิดปกติ ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว
    ในกรณีที่ต้องใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่องมากกว่า 6 ชั่วโมง ควรมีแบตเตอรี่สำรอง ถ้าไม่เช่นนั้นจะทำให้แบตเตอรี่เซลล์ใดเซลล์หนึ่งเสียหรออายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้น

 [2] การชาร์จไฟแบตเตอรี่

  •  การชาร์จไฟประจำวันต้องชาร์จไฟหลังการใช้งานแบตเตอรี่ตามข้อ 1.1 เนื่องจากการปล่อยให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะไฟหมด โดยไม่นำไปชาร์จไฟ จะมีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่และ อุณหภูมิของน้ำกรดในระหว่างการชาร์จไฟจะต้องไม่เกิน 55 องศา
  • ต้องแน่ใจว่าเสียบปลั๊กไฟแน่นก่อนการชาร์จไฟ เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความร้อนและประกายไฟได้
  • ถ้าใช้เครื่องชาร์จอัตโนมัติหรอติดมากับรถ ให้ปฎิบัติตามคู่มือของเครื่องชาร์จนั้น
  • วิธีตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ถูกชาร์จไฟเต็มหรอไม่ สามารถตรวจสอบได้ดังนี้
  • ถ้าชาร์จแบตเตอรี่ด้วย เครื่องชาร์จอัตโนมัติ ให้ทำตามคู่มือของเครื่องชาร์จไฟ (ในกรณีที่ปริมาณไฟเหลือ 20-25% เครื่องชาร์จจะใช้เวลาในการชาร์จไฟกลับให้ได้ 115-120% เป็นเวลา 8-10 ชั่วโมง)

 2.2 การชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ. ของน้ำกรด (Equalizing Charge)

ควรชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ. เดือนละครั้งตามวิธีดังต่อไปนี้

  • ถ้าชาร์จไฟด้วยเครื่องชาร์จอันตโนมัติให้ทำตามคู่มือของเครื่องชาร์จไฟ
  • ถ้าชาร์จดว้ยเครื่องธรรมให้ชาร์จต่ออีก 2-3 ซม.หลังการชาร์จไฟตามปกติแล้ว
  • แบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานหนักควรเพิ่มความถี่ในการชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ.เป็นเดือนหลัง 2 ครั้ง
  • แบตเตอรี่ใหม่ทำให้การชาร์จแบบ Equalizing Charge เป็นจำนวน 10 รอบแรกของการใช้งานหลังจากนั้นให้ชาร์จตามปกติ

 [3] ตรวจเช็คระดับน้ำกรด

  • โดยปกติน้ำที่ผสมในน้ำกรดจะสูญเสียไปขณะการชาร์จไฟ ให้ตรวจระดับน้ำกรดอย่างสม่ำเสมอโดยดูจากจุกระบายอากาศ
  •  ถ้าลูกลอยจุกระบายอากาศอยู่ระดับต่ำสุด ให้เติมน้ำกลั่นทันที (ห้ามเติมน้ำกรด) 
  • ปิดจุกระบายอากาศให้แน่นหลังจากเติมน้ำกลั่น แล้วเช็คผิวบนแบตเตอรี่ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ
  • กรณีเป็นฝาจุกแบบเติมน้ำอัตโนมัติ (Auto Filler) ให้ตรวจสอบดังนี้
  • ขณะเติมน้ำกลั่นให้ตรวจสอบดูว่ามีรั่วไหลออกมาตามท่อหรอข้อต่อหรอไม่
  • ให้เปิดฝาจุกขณะเติมน้ำกลั่นเพื่อตรวจสอบ การขึ้น-ลง ของลูกลอย หากพบว่าลูกลอยค้างให้ใช้นิ้วผลักลูกลอยเบาๆ เพื่อแก้ไข
  • หากพบความผิดปกติให้ทำการแก้ไขหรอแจ้งบริษัทผู้ผลิตเพื่อเข้าการตรวจ สอบและแก้ไข

 [4] การระบายอากาศ

เนื่องจากในขณะที่ชาร์จไฟแบตเตอรีจะเกิดก๊าซออกซิเจนและไฮโดรเจน ซึ้งถ้ามีการสะสมของก๊าซดังกล่าวในปริมาณมากและมีสะเก็ดไฟหรอประกายไฟเกิดขึ้นภายใน หรอบริเวณไกล้เคียงพื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่ อาจทำให้แบตเตอรี่เกิดการระเบิดได้ ดังนั้นเพื่อหลีกเสี่ยงความเสียหายแบตเตอรี่และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกิดจากการระเบิด พื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่จะต้องมีการถ่ายเทอากาศที่ดีและห้ามทำ กิจกรรมใดที่ทำให้เกิดสะเก็ดไฟหรอประกายไฟ ใกล้พื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่ เช่น การสูบบุหรี่ การเชื่อ ฯลฯ หมายเหตุ ให้เปิดฝารถโฟล์คลิฟท์ทุกครั้งเมื่อชาร์จแบตเตอรี่บนรถโฟล์คลิฟท์ หรอเปิดฝาถังแบตเตอรี่ทุกครั้งเมื่อทำการชาร์จแบตเตอรี่

 [5] การทำความสะอาดแบตเตอรี่

  • รักษาแบตเตอรี่ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไฟรั่วและการผุกร่อนของถังแบตเตอรี่
  • ทำความสะอาดแบตเตอรี่ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ทุกครั้งหลังการเติมน้ำกลั่น
  • ภายในของฝาจุกซึ้งปกติใส ถ้ามีสิ่งสกปรกให้ถอดออกมาทำความสะอาดด้วยสารที่ใช้ทำความสะอาดตามครัวเรือน
  • ถังที่ไม่มีรูระบายน้ำ ให้ทำการดูดน้ำผ่านท่อดูดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ควรล้างแบตเตอรี่ ทุก ๆ 3เดือน เพื่อป้องกันไฟรั่ว

 วิธีการล้างแบตเตอรี่ นำแบตเตอรี่ออกจากรถยกไฟฟ้า ปิดฝาจุกแบตเตอรี่ทุกเซลล์ให้แน่น แล้วฉีดน้ำล้างบนชุดแบตเตอรี่เพื่อ ให้น้ำล้างคราบน้ำน้ำกรดอยู่ระหว่างเซลล์ออก ทิ้งแบตเตอรี่ไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้น้ำไหลออก

ข้อควรระวัง ควรล้างแบตเตอรี่ในพื้นที่เฉพาเนื่องจากน้ำที่ล้างออกมาจะมีสภาพเป็นกรดเจือจาง

[6] การจัดการกับเศษซากแบตเตอรี่ ที่หมดอายุการใช้งาน

  • ไม่ทิ้งซากแบตเตอรี่ ปะปนกับขยะทั่วไป
  • ไม่นำซากแบตเตอรี่ ไปเผา ฝังดิน หรอทิ้งลงแหลางน้ำ
  • จัดเก็บไว้ในพื้นที่ ที่มีภาชนะรองรับที่กันการกัดกร่อนของกรดได้ เช่น พลาสติกเพื่อป้องกันการหกรั่วไหล ลงสู่พื้นดินหรือพื้นน้ำ
  • ไม่เก็บไว้ในสถานที่อับอากาศ
  • ไม่เก็บไว้ใกล้กับจุดที่มีประกายไฟ เพราะอาจจะทำให้เกิดการระเบิดได้
  • กำลังทำลายอย่างถูกวิธี ตามกฎหมายกำหนด