แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า Traction battery

แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่ในกลุ่ม Traction Battery

     แบตเตอรี่กลุ่มนี้ ประเภทนี้สามารถใช้งานได้กว้างขวาง ในกลุ่ม รถโฟล์คลิฟท์ Forklift รถยกไฟฟ้าX-lift รถขัดพื้น รถสแตกเกอร์ไฟฟ้า Electric Stacker, Electric Pallet Truck เป็นแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน มีความทนทานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่รถกอล์ฟ หรือแบตเตอรี่รถยนต์

แบรนด์แบตเตอรี่โฟล์คลิฟยอดนิยม และทำตลาดมาอย่างยาวนานในไทยได้แก่ 3K และ GS YUASA

โฟล์คลิฟท์

ตามมาตรฐานยุโรป IEC 60254 1 แบตเตอรี่ตะกั่วกรดสำหรับรถยกไฟฟ้าถูกนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับขับเคลื่อนระบบไฟฟ้าซึ่งรวมถึงยานพาหนะถนนบางประเภทเช่น รถไฟฟ้าทั่วไป รถบรรทุกที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมและอุปกรณ์เครื่องมือจักรกล แบตเตอรี่สามารถมีได้หลายขนาดตั้งแต่ 2 โวลต์เซลล์หรือ 4, 6, 8 และโมโนโพล 12 โวลต์  โดยปกติไม่มีข้อกำหนดว่าโครงสร้างภายในของแบตเตอรี่รถยกนั้นตั้งไว้เท่าไร แต่ขนาดภายนอกถูกกำหนดไว้ในมาตรฐานเช่น IEC 60254 2 ความจุถูกวัดจากการทดสอบการคายประจุที่กำหนดจากประจุเต็ม 1.7 โวลต์ต่อเซลล์ในระยะเวลา 5 ชั่วโมง (ทดสอบ C5) แบตเตอรี่รถยกนั้นมีทั้งแบตเตอรี่แบบน้ำและแบตเตอรี่แบบแห้ง ทั้งในแบตเตอรี่ 2 โวลต์และมีรูปแบบโครงสร้างเป็น monobloc ในการออกแบบเหล่านี้แผ่นขั้วบวกสามารถเป็นได้ทั้งแผ่นธาตุชนิดแบนและชนิดท่อกลมได้ สำหรับตัวแปร AGM ของโครงสร้าง VRLA เฉพาะแผ่นธาตุแบบแบนเท่านั้นที่มีความเหมาะสมเนื่องจากความต้องการในการรักษาแรงดันไฟฟ้าแบบสม่ำเสมอของแผ่นใยแก้วที่ใช้สำหรับตัวคั่น แบตเตอรี่แบบใช้ท่อกลมที่มีโครงสร้างเป็นแผ่นโดยทั่วไปจะให้อายุการใช้งานที่สูงกว่าการออกแบบแผ่นแบน โครงสร้างท่อ (รูปที่ 2) ช่วยให้มั่นใจได้ว่าวัสดุที่ใช้งานในเชิงบวกนั้นจะยึดติดกับกระดูกสันหลังของโลหะผสมตะกั่วที่เป็นตัวนำในระหว่างรอบการปล่อยประจุที่จุดสูงสุด อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ฉรถยกถูกกำหนดโดยจำนวนรอบการปล่อยประจุสูงสุดตามมาตรฐานซึ่งสามารถทำงานได้จนกว่าจะลดลงเหลือ 80% ของความจุที่กำหนดหรือความจุปกติ

มาดูกันว่าเมื่อไหร่ที่เราควรจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าของเรากัน

อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของแบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าจะอยู่ที่5ปี  แต่ก็ไม่แนเสมอไป เพราะถ้าคุณมีการดูแลแบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่ดี อายุการใช้งานแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าก็อาจจะมากกว่านั้น แต่ถ้าคุณใช้งานแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าหนัก และไม่มีการดูแลที่ดี อายุการใช้งานของแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าก็อาจสั้นกว่า5ปีได้

เมื่อแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าเริ่มจะเสีย มันจะมีอาการอะไรบ้างที่เราสามารถสังเกตุเห็นได้

  • แบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าจะหมดเร็วกว่าปรกติในรอบการใช้งาน
  • คุณจำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าบ่อยขึ้นใน1วันการทำงาน
  • คุณสามารถสังเกตุเห็นการสึกกร่อนของแบตธาตุตะกั่วในแบตเตอรี่ได้
  • แบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าเริ่มมีควัน หรือไอน้ำกรดออกมาในขณะที่ชาร์จ หรือในขณะที่ใช้งาน (ในรูปแบบนี้ถือว่าอันตรายมากควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้านั้นทันทีหรือเร็วที่สุด)

คู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษาแบตเตอรี่สำหรับรถยกไฟฟ้า

[1] แบตเตอรี่

หลีกเลี่ยงการใช้งานหนักจนไฟหมด ถ้าแบตเตอรี่ถูกใช้งานจนรถไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้นผู้ใช้งานแบตเตอรี่จึงควรปฎิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • หยุดใช้งานแบตเตอรี่เมื่อปริมาณไฟแบตเตอรี่เหลือ20-25%ของไฟเต็มโดยสามารถดูได้จากตัววัดระดับไฟของแบตเตอรี่ ข้อควรระวัง: ถ้าแบตเตอรี่ถูกใช้งานจนไฟหมดจะทำให้อุณหภูมิของน้ำกรดสูงโดยเฉพาะเซลล์ ที่อยู่ตำแหน่งตรงกลางชุดแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่ถูกใช้งานในลักษณะนี้เป็นประจำ จะทำให้แบตเตอรี่เซลล์ใดเซลล์หนึ่ง เสียก่อนเซลล์อื่นและอายุการใข้งานแบตเตอรี่จะสั้น
  • หยุดใช้งานแบตเตอรี่เมื่อรถยกไฟฟ้าเริ่มอ่อนกำลังลง ซึ่งค่า ถ.พ. (ค่าความถ่วงจำเพาะ) ของน้ำกรดที่วัดได้จะต่ำกว่า 1.180 ที่อุณหภูมิ 20 องศา โดยสามารถวัดค่า ถ.พ. ดังกล่าวได้โดยใช้ ไฮโดรมิเตอร์ หมายเหตุ กล่องเครื่องมือสำหรับตรวจเช็คแบตเตอรี่ (ไฮโดรมิเตอร์,กรวย,เทอร์มิโนมิเตอร์) จะถูกจัดส่งพร้อมกับแบตเตอรี่ใหม่
  • ไม่ควรนำแบตเตอรี่มาชาร์จไฟในช่วงเวลาสั้นๆ ในระหว่างการใช้งานแบตเตอรี่ เพราะจะทำให้การเปลี่ยนแปลงทางเคมีภายในเซลล์แบตเตอรี่ไม่สมบูรณ์และอุณหภูมิของน้ำกรดจะสูงผิดปกติ ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว
    ในกรณีที่ต้องใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่องมากกว่า 6 ชั่วโมง ควรมีแบตเตอรี่สำรอง ถ้าไม่เช่นนั้นจะทำให้แบตเตอรี่เซลล์ใดเซลล์หนึ่งเสียหรออายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้น

 [2] การชาร์จไฟแบตเตอรี่

  •  การชาร์จไฟประจำวันต้องชาร์จไฟหลังการใช้งานแบตเตอรี่ตามข้อ 1.1 เนื่องจากการปล่อยให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะไฟหมด โดยไม่นำไปชาร์จไฟ จะมีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่และ อุณหภูมิของน้ำกรดในระหว่างการชาร์จไฟจะต้องไม่เกิน 55 องศา
  • ต้องแน่ใจว่าเสียบปลั๊กไฟแน่นก่อนการชาร์จไฟ เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความร้อนและประกายไฟได้
  • ถ้าใช้เครื่องชาร์จอัตโนมัติหรอติดมากับรถ ให้ปฎิบัติตามคู่มือของเครื่องชาร์จนั้น
  • วิธีตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ถูกชาร์จไฟเต็มหรอไม่ สามารถตรวจสอบได้ดังนี้
  • ถ้าชาร์จแบตเตอรี่ด้วย เครื่องชาร์จอัตโนมัติ ให้ทำตามคู่มือของเครื่องชาร์จไฟ (ในกรณีที่ปริมาณไฟเหลือ 20-25% เครื่องชาร์จจะใช้เวลาในการชาร์จไฟกลับให้ได้ 115-120% เป็นเวลา 8-10 ชั่วโมง)

 2.2 การชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ. ของน้ำกรด (Equalizing Charge)

ควรชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ. เดือนละครั้งตามวิธีดังต่อไปนี้

  • ถ้าชาร์จไฟด้วยเครื่องชาร์จอันตโนมัติให้ทำตามคู่มือของเครื่องชาร์จไฟ
  • ถ้าชาร์จดว้ยเครื่องธรรมให้ชาร์จต่ออีก 2-3 ซม.หลังการชาร์จไฟตามปกติแล้ว
  • แบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานหนักควรเพิ่มความถี่ในการชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ.เป็นเดือนหลัง 2 ครั้ง
  • แบตเตอรี่ใหม่ทำให้การชาร์จแบบ Equalizing Charge เป็นจำนวน 10 รอบแรกของการใช้งานหลังจากนั้นให้ชาร์จตามปกติ

 [3] ตรวจเช็คระดับน้ำกรด 

  • โดยปกติน้ำที่ผสมในน้ำกรดจะสูญเสียไปขณะการชาร์จไฟ ให้ตรวจระดับน้ำกรดอย่างสม่ำเสมอโดยดูจากจุกระบายอากาศ
  •  ถ้าลูกลอยจุกระบายอากาศอยู่ระดับต่ำสุด ให้เติมน้ำกลั่นทันที (ห้ามเติมน้ำกรด) 
  • ปิดจุกระบายอากาศให้แน่นหลังจากเติมน้ำกลั่น แล้วเช็คผิวบนแบตเตอรี่ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ
  • กรณีเป็นฝาจุกแบบเติมน้ำอัตโนมัติ (Auto Filler) ให้ตรวจสอบดังนี้
  • ขณะเติมน้ำกลั่นให้ตรวจสอบดูว่ามีรั่วไหลออกมาตามท่อหรอข้อต่อหรอไม่
  • ให้เปิดฝาจุกขณะเติมน้ำกลั่นเพื่อตรวจสอบ การขึ้น-ลง ของลูกลอย หากพบว่าลูกลอยค้างให้ใช้นิ้วผลักลูกลอยเบาๆ เพื่อแก้ไข
  • หากพบความผิดปกติให้ทำการแก้ไขหรอแจ้งบริษัทผู้ผลิตเพื่อเข้าการตรวจ สอบและแก้ไข

 [4] การระบายอากาศ 

เนื่องจากในขณะที่ชาร์จไฟแบตเตอรีจะเกิดก๊าซออกซิเจนและไฮโดรเจน ซึ้งถ้ามีการสะสมของก๊าซดังกล่าวในปริมาณมากและมีสะเก็ดไฟหรอประกายไฟเกิดขึ้นภายใน หรอบริเวณไกล้เคียงพื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่ อาจทำให้แบตเตอรี่เกิดการระเบิดได้ ดังนั้นเพื่อหลีกเสี่ยงความเสียหายแบตเตอรี่และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกิดจากการระเบิด พื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่จะต้องมีการถ่ายเทอากาศที่ดีและห้ามทำ กิจกรรมใดที่ทำให้เกิดสะเก็ดไฟหรอประกายไฟ ใกล้พื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่ เช่น การสูบบุหรี่ การเชื่อ ฯลฯ หมายเหตุ ให้เปิดฝารถโฟล์คลิฟท์ทุกครั้งเมื่อชาร์จแบตเตอรี่บนรถโฟล์คลิฟท์ หรอเปิดฝาถังแบตเตอรี่ทุกครั้งเมื่อทำการชาร์จแบตเตอรี่

 [5] การทำความสะอาดแบตเตอรี่ 

  • รักษาแบตเตอรี่ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไฟรั่วและการผุกร่อนของถังแบตเตอรี่
  • ทำความสะอาดแบตเตอรี่ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ทุกครั้งหลังการเติมน้ำกลั่น
  • ภายในของฝาจุกซึ้งปกติใส ถ้ามีสิ่งสกปรกให้ถอดออกมาทำความสะอาดด้วยสารที่ใช้ทำความสะอาดตามครัวเรือน
  • ถังที่ไม่มีรูระบายน้ำ ให้ทำการดูดน้ำผ่านท่อดูดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ควรล้างแบตเตอรี่ ทุก ๆ 3เดือน เพื่อป้องกันไฟรั่ว

 วิธีการล้างแบตเตอรี่ นำแบตเตอรี่ออกจากรถยกไฟฟ้า ปิดฝาจุกแบตเตอรี่ทุกเซลล์ให้แน่น แล้วฉีดน้ำล้างบนชุดแบตเตอรี่เพื่อ ให้น้ำล้างคราบน้ำน้ำกรดอยู่ระหว่างเซลล์ออก ทิ้งแบตเตอรี่ไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้น้ำไหลออก

ข้อควรระวัง ควรล้างแบตเตอรี่ในพื้นที่เฉพาเนื่องจากน้ำที่ล้างออกมาจะมีสภาพเป็นกรดเจือจาง

[6] การจัดการกับเศษซากแบตเตอรี่ ที่หมดอายุการใช้งาน

  • ไม่ทิ้งซากแบตเตอรี่ ปะปนกับขยะทั่วไป
  • ไม่นำซากแบตเตอรี่ ไปเผา ฝังดิน หรอทิ้งลงแหลางน้ำ
  • จัดเก็บไว้ในพื้นที่ ที่มีภาชนะรองรับที่กันการกัดกร่อนของกรดได้ เช่น พลาสติกเพื่อป้องกันการหกรั่วไหล ลงสู่พื้นดินหรือพื้นน้ำ
  • ไม่เก็บไว้ในสถานที่อับอากาศ
  • ไม่เก็บไว้ใกล้กับจุดที่มีประกายไฟ เพราะอาจจะทำให้เกิดการระเบิดได้
  • กำลังทำลายอย่างถูกวิธี ตามกฎหมายกำหนด

Showing 13–24 of 51 results